บริษัท ออยเซิร์ฟ จำกัด
9 ซอยทวีวัฒนา 25 แยก 7, แขวงทวีวัฒนา, เขตทวีวัฒนา, กรุงเทพ 10170
Tel. (66) 2 441 9247, (66) 2 888 9346, Fax. (66) 2 441 9248
Line ID:oilserveเรื่องน่ารู้น้ำมันหล่อเย็น เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับน้ำมันหล่อเย็น (น้ำมันคูลแลนท์) 1. น้ำมันหล่อเย็นต้องมีความเข้มข้นขนาดไหน ? น้ำมันหล่อเย็นได้รับการพัฒนาให้ใช้งานได้เป็นช่วงกว้าง ลักษณะงานหรือชิ้นงานต่าง ๆ ต้องการความเข้มข้นของน้ำมันหล่อเย็น ต่างกัน ความเข้มข้นของน้ำมันหล่อเย็นจะมีผลต่ออายุของตัวน้ำมันเอง มีดตัด และผิวของชิ้นงาน การรักษาระดับความเข้มข้นของน้ำมันหล่อเย็นจะลดปัญหาในการทำงานได้อย่างมาก ผู้ผลิตน้ำมันพบว่าปัญหาส่วนใหญ่ของลูกค้า มักมาจากความเข้มข้นของน้ำมันหล่อเย็นไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม การผสมน้ำมันหล่อเย็นครั้งละน้อย ๆ ด้วยวิธีการกวน โดยผู้ปฏิบัติงานที่ไม่ได้รับการฝึกอบรม มักจะทำให้เกิดปัญหาได้ การใช้เครื่องมือผสมน้ำมันหล่อเย็นจึงเป็นวิธีที่จะหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเรื่องความเข้มข้นได้ดี
2. ความเข้มข้นของน้ำมันหล่อเย็นที่จะเติมเพิ่ม (Makeup) ในถังน้ำมันเดิมควรมีความเข้มข้นเท่าใด ?
น้ำมันหล่อเย็นชนิดที่เป็นน้ำมันผสมน้ำ จะหายไปจากระบบได้ จากการติดไปกับชิ้นงาน, ติดไปกับเศษจากการขึ้นรูปโลหะ หรือการระเหยของน้ำ ซึ่งการระเหยออกไปของน้ำจะทำให้ระดับความเข้มข้นของน้ำมันหล่อเย็นเพิ่มขึ้น โดยปกติระดับน้ำมันหล่อเย็นในถังของเครื่องจักรต้องไม่ต่ำกว่าค่าที่ผู้ผลิตเครื่องจักรได้กำหนดไว้ ดังนั้นจึงต้องมีการเติมน้ำมันหล่อเย็น ใหม่เข้าไปทดแทนอยู่เสมอ และน้ำมันหล่อเย็นที่เติมเข้าไปทดแทนต้องมีความเข้มข้นน้อยกว่าน้ำมันหล่อเย็นเดิมเสมอ เช่น หากอัตราส่วนเดิมใช้น้ำมัน 5% เมื่อผสมน้ำมันหล่อเย็นเพื่อเติมทดแทนส่วนที่หายไปควรใช้น้ำมันในช่วง 2.5-3% หรือให้ปรึกษาผู้ขายน้ำมันเพื่อรับคำแนะนำเรื่องอัตราส่วนที่เหมาะสม
3. Refractometer factor คืออะไร ?
Reflactometer factor ใช้เป็นตัววัดความเข้มข้นของน้ำมันหล่อเย็น น้ำมันหล่อเย็นจะมีแฟคเตอร์นี้ (โดยทั่วไปแฟคเตอร์นี้จะเท่ากับ 1) ให้เอาค่าที่อ่านได้จาก Refractometer มาคูณกับ Refractometer factor ก็จะได้เปอร์เซ็นต์ ความเข้มข้นของน้ำมัน
4. ทำไมน้ำมันหล่อเย็นจึงมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ?
ส่วนใหญ่เกิดจากแบคทีเรียที่ผลิตของเสียออกมา ซึ่งมักจะเป็นซัลเฟอร์ที่ทำให้เกิดกลิ่นคล้ายไข่เน่า แบคทีเรียเป็นสาเหตุหลักอย่างหนึ่งที่ทำให้น้ำมันหล่อเย็นเสียก่อนกำหนด เพราะทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่มีผลต่อการหล่อลื่น และการป้องกันการเกิดสนิมได้ เราสามารถลดการเติบโตของแบคทีเรียได้โดย
- รักษาระดับความเข้มข้นของน้ำมันหล่อเย็นให้เหมาะสม
- รักษาความสะอาดของสิ่งแวดล้อมในการทำงาน
- ป้องกันการปนเปื้อนอื่น ๆ ที่จะเข้าไปในน้ำมันหล่อเย็น
- แยกสิ่งสกปรกออกจากน้ำมันหล่อเย็น
- ต้องมีการล้างถังน้ำมันหล่อเย็นให้สะอาดเป็นช่วง ๆ
ในบางครั้งอาจมีการเติมสารบางอย่างที่เป็นน้ำหอมเข้าไปซึ่งจะกลบกลิ่นเหม็นได้ แต่ไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหา และอาจทำให้เกิดปัญหาน้ำมันหล่อเย็นที่ร้ายแรงกว่าภายหลังได้
5. ทำไมน้ำมันหล่อเย็นจึงมีสีต่างกัน ?
น้ำมันหล่อเย็นส่วนใหญ่จะมีสีและกลิ่นจากสารเคมีที่ใช้เป็นส่วนผสม แต่ในบางครั้งผู้ผลิตอาจผสมสีเพื่อให้ดูสวยงาม และเพื่อให้สังเกตเกรดของน้ำมันจากสีที่แตกต่างกันได้ง่ายขึ้น ผู้ปฏิบัติงานอาจใช้ความเข้มของสีเป็นตัวกำหนดความเข้มข้นของน้ำมันหล่อเย็น ซึ่งไม่ถูกต้องนัก เพราะว่าน้ำมันหล่อลื่นที่เจือปนกับน้ำมันหล่อเย็นอาจดูดซับสีได้ หรือวัสดุชิ้นงานบางอย่าง เช่นเหล็กหล่อ อาจทำให้สีของน้ำมันคูลแลนท์เปลี่ยนแปลงได้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเช็คความเข้มข้นของน้ำมันหล่อเย็นเป็นระยะอยู่เสมอ
6. สิ่งตกค้างในอ่างน้ำมันหล่อเย็นของเครื่องจักร หรือมีดตัด มีอะไรบ้าง ?
สิ่งตกค้างในที่นี้หมายถึงสิ่งที่ตกค้างบนเครื่องจักรหรือชิ้นงาน เมื่อน้ำระเหยออกไปจากน้ำมันหล่อเย็น สิ่งตกค้างนี้ไม่ควรสร้างปัญหาเรื่องผิวสำเร็จของชิ้นงาน หรือการทำงานของเครื่องจักร สิ่งตกค้างอาจแยกแยะออกได้ดังนี้
- ของเหลว
- ของแข็ง
- ยางเหนียว (Gum)
- ผลึกของสารบางอย่าง
ส่วนใหญ่สิ่งตกค้างที่เป็นน้ำมันจะมีผลดีต่อเครื่องจักรมากกว่า ส่วนของแข็งหรือผลึกจะสร้างปัญหาให้เครื่องจักรมากกว่า โดยเฉพาะพวก Machining center แบบ 5 แกน โดยรวมคือต้องเลือกน้ำมันหล่อเย็นให้เหมาะสมกับเครื่องจักร
7. จะผสมน้ำมันหล่อเย็นได้อย่างไร ?
การผสมน้ำมันหล่อเย็นมีความสำคัญต่อการคงตัวของน้ำมันหล่อเย็นมาก วิธีการผสมที่ถูกต้องมักจะระบุไว้ในข้อมูลทางเทคนิคของน้ำมัน เพื่อให้ได้ผลดีที่สุดและมีอายุการใช้งานยาวนานที่สุด ควรใช้น้ำที่สะอาดปราศจากสารเคมี หรือน้ำที่มาจากการกรองแบบรีเวอร์สออสโมสิส และควรเติมน้ำมันเข้าไปในน้ำ (เตรียมน้ำก่อนแล้วเติมน้ำมัน จำง่าย ๆ ว่า O.I.L = Oil in last) และคนให้เข้ากัน หรือจะใช้เครื่องมือช่วยผสมน้ำมันหล่อเย็น (Coolant mixer) ที่ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น ได้อัตราส่วนที่แม่นยำและประหยัดเวลา
|