บริษัท ออยเซิร์ฟ จำกัด
9 ซอยทวีวัฒนา 25 แยก 7, แขวงทวีวัฒนา, เขตทวีวัฒนา, กรุงเทพ 10170
Tel. (66) 2 441 9247, (66) 2 888 9346, Fax. (66) 2 441 9248
Line ID:oilserveผลของคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงต่อเครื่องยนต์ ผลของคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงต่อเครื่องยนต์
รูปที่ 1: ระบบน้ำมันเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์คอมมอลเรล ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเครื่องยนต์ช่วงที่ผ่านมา มีความพยายามทำให้ได้กำลังมากขึ้นในขณะที่ขนาดเครื่องยนต์เท่าเดิม จึงทำให้การผลิตเครื่องยนต์ต้องการความละเอียดแม่นยำของชิ้นส่วนมากขึ้น และใช้แรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงและหัวฉีดที่สูงขึ้น แต่คุณภาพของน้ำมันเชื้อเพลิงในปัจจุบันก็ไม่ได้พัฒนาตามไปด้วย การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพต่ำ หรือน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีการปนเปื้อน ทำให้ปั๊มและหัวฉีดเกิดการสึกหรอเร็วกว่าปกติ หรือทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ลดลง หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีความแม่นยำในการผลิตสูง รวมทั้งปั๊มน้ำมันแรงดันสูง เป็นอุปกรณ์ที่อ่อนไหวต่อสารปนเปื้อนในน้ำมันเชื้อเพลิงมาก น้ำมันสกปรกจะทำให้หัวฉีดสึกหรอ และปั๊มเสียหายก่อนอายุการใช้งานจริง ทำให้เครื่องยนต์มีปัญหา สารปนเปื้อนที่กล่าวถึงเป็นได้ฝุ่นผงจากสิ่งแวดล้อม แอสฟัลทีน (ไฮโดรคาร์บอนโมเลกุลใหญ่ ถ้ามีแอสฟันทีนสูงเกินไปจะทำให้เกิดการอุดตันที่หัวฉีด) รวมทั้งน้ำที่ปะปนในน้ำมันเชื้อเพลิง
รูปที่่ 2: Pump - Injector - common rail รูปที่ 3: Injector
รูปที่ 4: น้ำมันดีเซลที่ปนเปื้อนน้ำและมีการเติบโตของจุลินทรีย์
ในบรรดาสิ่งปนเปื้อน ส่วนที่สำคัญที่สุดคืออนุภาคแข็ง และน้ำ ระดับการปนเปื้อนด้วยอนุภาคแข็งก่อนเข้าระบบควรน้อยกว่า 50 มิลลิกรัมต่อแกลลอน ( 15 มิลลิกรัมต่อลิตร) ส่วนใหญ่การปนเปื้อนด้วยอนุภาคแข็งและน้ำจะเกิดขึ้นที่ถังเก็บน้ำมันของโรงงาน ระหว่างขนส่งน้ำมัน หรือในถังน้ำมันของตัวรถเอง
หัวฉีดจะมีอายุการใช้งานลดลงประมาณครึ่งหนึ่ง หากมีน้ำปะปนอยู่ในน้ำมัน 0.05% (หรือ 500 ppm.) เมื่อเปรียบเทียบกับการมีน้ำปะปนอยู่แค่ 0.02% (200 ppm)
ดังนั้นควรควบคุมความชื้นในน้ำมันให้น้อยกว่า 0.02% อยู่เสมอ หากปริมาณน้ำในน้ำมันขึ้นไปที่ 0.05% จะเริ่มสังเกตุเห็นว่าน้ำมันมีสภาพมัว ๆ ไม่ใส
ความชื้นจะทำให้คุณสมบัติในการหล่อลื่นของน้ำมันดีเซลลดลง ส่งผลกระทบต่อปั๊ม เมื่อความชื้นเข้าห้องผลไหม้จะกลายเป็นไอน้ำและสร้างความเสียหายต่อปลายของหัวฉีด การมีน้ำปะปนอยู่ในน้ำมันดีเซลเป็นเวลานานจะทำเกิดการกัดกร่อนในระบบ และส่งเสริมให้มีการเติบโตของจุลินทรีย์ และอุดตันระบบกรองน้ำมันเชื้อเพลิงหลักของเครื่อง หากอยู่ในประเทศที่หนาวเย็น ความชื้นจะกลายเป็นน้ำแข็งและอุดตันระบบน้ำมันเชื้อเพลิงได้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเกิดไขรอบ ๆ ผลึกน้ำแข็ง
ความเสถียรของน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นประเด็นสำคัญที่จะกล่าวถึงต่อไป โดยเฉพาะระบบเชื้อเพลิงที่มีการอัดน้ำมันหมุนเวียนอยู่ในระบบ (เช่นระบบคอมมอลเรล) น้ำมันที่ไม่เสถียรจะก่อตัวเป็นยางเหนียว และเกิดโคลน ไม่เพียงแต่ทำให้กรองและหัวฉีดตัน แต่สารเหล่านี้ทำให้ประสิทธิภาพการเผาไหม้ต่ำลง ได้กำลังเครื่องยนต์น้อยลง ละอองน้ำมันที่เปลี่ยนไปเนื่องจากหัวฉีดมีการเสียหาย รวมกับอนุภาคโมเลกุลขนาดใหญ่ของไฮโดรคาร์บอนทำให้ต้องใช้อุณหภูมิในการเผาไหม้และแรงอัดสูงขึ้นเพื่อให้เผาไหม้ได้สมบูรณ์ ซึ่งเป็นไปได้ยากในการทำงานของเครื่องยนต์ตามปกติ น้ำมันเชื้อเพลิงที่เสื่อมคุณภาพจะมีสภาพเป็นกรด เกิดการกัดกร่อนภายในเครื่องยนต์และระบบน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันพวกไบโอดีเซลที่มีจำหน่ายในท้องตลาดในปัจจุบันก็มีการเรียกร้องให้วัดค่าความเป็นกรดของน้ำมันมากขึ้น
คุณสมบัติทางกายภาพของน้ำมันที่ด้อยคุณภาพก็มีผลกระทบต่ออายุการใช้งานเครื่องยนต์ น้ำมันดีเซลเป็นตัวระบายความร้อน และหล่อลื่น หัวฉีดและปั๊ม หากน้ำมันด้อยคุณภาพจจะทำให้หัวฉีดและปั๊มเสียหายเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
การกลั่นน้ำมันในปัจจุบันมีการลดซัลเฟอร์และสารพวกแอโรแมติกลงอย่างมาก ทำให้สารจำพวกป้องกันผิวในน้ำมันลดลงไปด้วย ซึ่งหมายถึงคุณสมบัติในการหล่อลื่นลดลง ดังนั้นผู้ผลิตต้องมีการเติมสารเพิ่มคุณภาพเข้าไปในน้ำมันเพื่อรักษาคุณสมบัติด้านการหล่อลื่นของน้ำมันไว้ น้ำมันที่กลั่นที่อุณหภูมิสูงเกินไปจะสร้างคราบที่ผิวลูกสูบ ทำให้แหวนลูกสูบเสียหายเร็วขึ้น น้ำมันที่มีค่าซีเทนต่ำก็จะทำให้เครื่องยนต์เสียหายในระยะยาวได้ เครื่องยนต์อาจจะน็อค จุดระเบิดช้าลง, เครื่องน็อคเมื่อเครื่องเดินเบา หรือเมื่อเครื่องยนต์เย็น และมีควันสีขาวหลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่ ๆ
เมื่อต้องเปลี่ยนหัวฉีดและกรองน้ำมันเชื้อเพลิงในรถก่อนกำหนด นั่นก็แสดงว่าน้ำมันเชื้อเพลิงมีปัญหา ซึ่งต้องวิเคราะห์สาเหตุ โดยเฉลี่ยหัวฉีดจะมีอายุการใช้งานอย่างน้อย 15,000 ชั่วโมง และกรองน้ำมันเชื้อเพลิงจะมีอายุประมาณ 1,000 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น
ถึงแม้ว่าน้ำมันเชื้อเพลิงมักจะไม่ได้ถูกส่งไปทดสอบคุณสมบัติบ่อย ๆ เหมือนน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ แต่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าเมื่อปัญหาของเครื่องยนต์มีมากขึ้น ควรส่งน้ำมันเชื้อเพลิงไปวิเคราะห์ ส่วนใหญ่จะวัดคุณสมบัติด้านต่าง ๆ เช่น ความหนาแน่น ช่วงของการกลั่นตัว ดัชนีซีเทน ความหนืด จุดวาบไฟ และค่าความเป็นกรดของน้ำมัน
การตรวจสิ่งปนเปื้อน ก็จะทำให้ได้ข้อมูลเรื่อง น้ำ และอนุภาคในน้ำมัน การเติบโตของจุลินทรีย์ในน้ำมัน และโลหะที่ไม่ต้องการ, การเสื่อมสภาพของน้ำมัน, การเกิดยางเหนียว และการทดสอบน้ำมันอาจเป็นตัวบอกว่าการจัดเก็บน้ำมันมีความเหมาะสมหรือไม่ การวัดคุณสมบัติในการหล่อลื่นของน้ำมันเชื้อเพลิงมักจะทำหลังสุด เมื่อผลการทดสอบตัวอื่น ๆ ไม่สามารถอธิบายถึงสาเหตุความเสียหายของปั๊มและหัวฉีด
|